ในปัจจุบัน HR Zone นั้นเป็นที่รู้จัก และใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นค่าที่สำคัญในการออกกำลังกาย เพราะฉะนั้นเราจึงควรจะตั้งค่า HR Zone ให้ตรงกับสมรรถภาพของร่างกายเราให้มากที่สุด เพื่อให้ HR Zone ช่วยบอกความเหนื่อย, ความหนัก-เบา ในการออกกำลังกายให้แม่นยำที่สุด
มาลองตั้งค่า HR Zone ผ่าน App. Garmin Connect ตามขั้นตอน ไปพร้อมๆกันเลยครับ
- กดเข้าไปที่รูปนาฬิกา
หลักจากเปิด App Garmin Connect และเปิด Bluetooth เชื่อมต่อกับนาฬิกาเรียบร้อยแล้ว - เลือกที่ “การตั้งค่าผู้ใช้” (User Setting)
- เลื่อนลงมา และเลือกที่ “กำหนดค่าโซนอัตราการเต้นของหัวใจ” (Configure Heart Rate Zones)
- เลือกวิธีการคำนวณโซนอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งมีให้เลือกถึง 3 วิธี
- การแบ่ง HR Zone มี 3 วิธีดังนี้
- % อัตราหัวใจสูงสุด ( % of Max Heart Rate)
คำนวณจากอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (Max HR) และแบ่งออกเป็นเปอร์เซนต์ - % เกณฑ์แลคเตท ( % of Lactate Threshold)
คำนวณหาค่า Lactate Threshold โดยการทดสอบด้วยการออกกำลังกาย - % อัตราการเต้นของหัวใจที่สำรอง ( % of Heart Rate Reserve)
คำนวณจากการวัดค่า Max HR และอัตราการเต้นหัวใจขณะพัก (Resting HR)
โดยการเลือกใช้ HR Zone ในแต่ละแบบนั้นมีข้อดี ข้อเสีย และหลักการในการคำนวณที่แตกต่างกันได้ ดังนั้นผู้ใช้ควรจะศึกษาวิธีการใช้งาน การคำนวณ และเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด
- การหาค่า Resting Heart Rate
วิธีการหาอัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก - ใช้ค่า Resting Heart Rate ที่ได้จากการใส่นาฬิกา Garmin นอน
ควรจะใช้ค่า Last 7 Days Avg. RHR หรือค่า Resting Heart Rate เฉลี่ย 7 วันล่าสุด
(ควรใส่นาฬิกาแน่นพอสมควร และต่อเนื่องกัน 7 วันเป็นอย่างน้อย) - ใช้ค่าที่ได้จากการวัดชีพจรด้วยตนเอง
สามารถวัดค่าชีพจรตนเองขณะที่ตื่นนอนได้ 2 จุดคือบริเวณคอ หรือบริเวณข้อมือ โดยจะนับอัตราการเต้นของตัวใจประมาณ 1 นาที แต่อย่างไรก็ตาม เราควรจะนำค่าที่ได้มาจดบันทึก และเฉลี่ยเป็นเวลา 7 วันด้วยเช่นกัน - การตั้งค่า HR Zone เฉพาะสำหรับการวิ่ง จักรยาน และว่ายน้ำ
สำหรับนักกีฬาที่ต้องการฝึกซ้อมเพื่อความเป็นเลิศ หรือต้องการเห็นผลจากการฝึกซ้อมกีฬาแต่ละชนิดอย่างจริงจัง
HR Zone เฉพาะกีฬานั้นคือว่าจำเป็นเป็นอย่างยิ่งสำหรับการฝึกซ้อม เพราะว่าจริงๆแล้ว HR Zone ในกีฬาวิ่ง กับ HR Zone ในกีฬาจักรยานนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีค่าที่ไม่เท่ากัน เพราะกีฬาต่างประเภทกันมีการใช้กล้ามเนื้อไม่เหมือนกัน และแรงกระแทกของร่างกายก็ไม่เท่ากัน
ดังนั้นถ้าคุณต้องการซ้อมกีฬาอย่างจริงจัง การตั้งค่า HR Zone เฉพาะประเภทกีฬานั้นเป็นอะไรที่ตอบโจทย์นักกีฬาได้อย่างดีที่สุด
มาลองนำไปใช้กันได้นะครับ